Sep 10, 2008
ตอนที่ 12: รู้วัน และ สถานที่มรณภาพของท่านเอง
ญาติโยมที่ได้มีโอกาสกราบคารวะหรือปฏิบัติธรรมหลายท่านยืนยันตรงกันว่า "เมื่อพ.ศ. 2519 ท่านบอกให้รู้ว่า วัดป่าผาลาด จะเป็นสถานที่มรณะของท่าน และ ท่านจะมรณภาพในปี 2522" แสดงว่าท่านรู้วันตายล่วงหน้าถึง 3 ปี เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ
ก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านก็ปฏิบัติเหมือนเดิม คือเมื่อเข้าทำกรรมฐานก็จะสั่งญาติโยมที่เคยใส่บาตร ว่าไม่ต้องเตรียมอาหารบิณฑบาตสำหรับท่าน เพราะจะเข้ากรรมฐาน ออกจากกรรมฐานเมื่อไหร่จะบอกซึงชาวบ้านถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ท่านปฏิบัติเช่นนี้ประจำ
ช่วงแรกท่านเข้ากรรมฐาน อยู่ 7 วันจึงถอนออกจากสมาธิ เมื่อฉันอาหารบิณฑบาตอยู่ 2-3 วัน แล้วท่านก็เข้าทำกรรมฐานอีก จนเวลาผ่านไป 7 วัน ลูกชายของโยมอุปัฏฐากที่คอยดูแลท่านมาที่กุฎิ ปรากฏว่าที่พื้นซิเมนต์ใต้ถุนกุฏิมีน้ำไหลนองมีกลิ่นเหม็น ดูแล้วว่าเป็นน้ำเหลืองที่ไหลออกมาตรงกับที่ท่านนั่งกรรมฐานพอดี จึงขึ้นไปเปิดประตูกุฏิ ดูให้แน่ใจ ก็พบว่าท่านนั่งสมาธิอยู่ แต่ สบงจีวรเปียกชุ่ม ร่างกายขึ้นอืดบวม จึงรู้ว่าท่านมรณภาพในสมาธิเสียแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าภายใน 7 วัน ที่ท่านนั่งกรรมฐานท่านได้หมดลมปราณวันไหน เวลาเท่าไหร่ ชาวบ้านจึงได้มาช่วยกันจัดการซากอสุภของท่าน และได้โทรเลขไปแจ้งน้องสาวของท่าน ญาติพี่น้องเห็นว่าการฌาปนกิจท่านที่วัดป่าผาลาดลำบากยุ่งยาก เพราะอยู่บนภูเขาขึ้นลงไม่สะดวก จึงรับศพท่านเข้ากรุงเทพ ไว้ที่วัดมะกอกซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลพระมงกุฏ บำเพ็ญกุศลอยู่ 3 วัน จึงได้ประชุมเพลิง
ก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านก็ปฏิบัติเหมือนเดิม คือเมื่อเข้าทำกรรมฐานก็จะสั่งญาติโยมที่เคยใส่บาตร ว่าไม่ต้องเตรียมอาหารบิณฑบาตสำหรับท่าน เพราะจะเข้ากรรมฐาน ออกจากกรรมฐานเมื่อไหร่จะบอกซึงชาวบ้านถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ท่านปฏิบัติเช่นนี้ประจำ
ช่วงแรกท่านเข้ากรรมฐาน อยู่ 7 วันจึงถอนออกจากสมาธิ เมื่อฉันอาหารบิณฑบาตอยู่ 2-3 วัน แล้วท่านก็เข้าทำกรรมฐานอีก จนเวลาผ่านไป 7 วัน ลูกชายของโยมอุปัฏฐากที่คอยดูแลท่านมาที่กุฎิ ปรากฏว่าที่พื้นซิเมนต์ใต้ถุนกุฏิมีน้ำไหลนองมีกลิ่นเหม็น ดูแล้วว่าเป็นน้ำเหลืองที่ไหลออกมาตรงกับที่ท่านนั่งกรรมฐานพอดี จึงขึ้นไปเปิดประตูกุฏิ ดูให้แน่ใจ ก็พบว่าท่านนั่งสมาธิอยู่ แต่ สบงจีวรเปียกชุ่ม ร่างกายขึ้นอืดบวม จึงรู้ว่าท่านมรณภาพในสมาธิเสียแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าภายใน 7 วัน ที่ท่านนั่งกรรมฐานท่านได้หมดลมปราณวันไหน เวลาเท่าไหร่ ชาวบ้านจึงได้มาช่วยกันจัดการซากอสุภของท่าน และได้โทรเลขไปแจ้งน้องสาวของท่าน ญาติพี่น้องเห็นว่าการฌาปนกิจท่านที่วัดป่าผาลาดลำบากยุ่งยาก เพราะอยู่บนภูเขาขึ้นลงไม่สะดวก จึงรับศพท่านเข้ากรุงเทพ ไว้ที่วัดมะกอกซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลพระมงกุฏ บำเพ็ญกุศลอยู่ 3 วัน จึงได้ประชุมเพลิง
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment