wat

วัดป่าผาลาด ต.วังดัง อ.เมือง จ. กาญจนบุรี
เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฎิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง เงียบสงบ ท่ามกลางป่าไม้ธรรมชาติ ธารน้ำตก ทางวัดยินดีต้อนรับผู้ที่ตั้งใจเรียนรู้และปฎิบัติเจริญศีล สมาิธิ ภาวนา ทุกท่าน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกเรียบร้อยในการจัดการรองรับเรื่องที่พัก ก่อนมาปฎิบัติธรรม

กรุณาติดต่อวัด หรือ คุณแม่ชีบุญยงค์
Tel. 089-6154890, 086-0183509.
Photobucket ตารางปฎิบัติธรรมและระเบียบ
Photobucket การเดินทาง

Photobucket
Photobucket

Watpa-PhaLad is located at Tumbon Wangdong, Muang District, Kanchanaburi, Thailand
   Surrounded by pure natural forest and waterfall, Watpa-Phalad is an exceptional place to practise Meditation. We welcome you all ,regardless of nationalities or races, who want to learn and practise Meditation.

For availability of meditation halls, strongly recommend to advance contact to "Nun Bonyong"
Tel. 66 89 6154890, 66 86 0813509

Sep 9, 2008

ตอนที่ 5: ได้กรรมฐานก่อนบวช แต่ไม่รู้ว่าเป็นกรรมฐาน

หลังจากใช้ชีวิตอย่างโชกโชนในคราบขุนโจร นายประยุทธ สุวรรณศรีก็กลับมาเยี่ยมบ้านที่หัวหิน โดยไม่มีใครรู้ว่าไปทำมาหากินอะไรมา เมื่อมาถึงบ้านพบว่าแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ที่ทำให้ท่านสะเทือนใน และเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสได้สนองคุณแม่เลยเพราะพี่สาวและน้องสาวบอกว่า ตั้งแต่ท่านหายสาบสูญไม่มีข่าวมาเลย ทำให้แม่เสียใจมาก เฝ้าแต่คร่ำครวญว่า "เล็กของแม่" จนสิ้นใจ ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงภาพถ่ายขนาดใหญ่เพียงภาพเดียว ไม่มีน้ำตาจะหลั่งไหลให้ใครดู มันตกอยู่ข้างใน ท่านรู้ว่าเป็นคนที่แม่รักมาก คำว่า "เล็กของแม่" ท่านได้ยินตั้งแต่เล็กจนโตเป็นที่ซาบซึ้งใจที่สุด ระลึกถึงอ้อมอกอันอบอุ่นของแม่ ระลึกถึงภาพที่แม่เคยปฎิบัติต่อท่าน ภาพต่างๆที่ผ่านมาได้เข้ามาในความคิดคำนึง ขณะที่นั่งอยู่หน้ารูปของแม่ พลันจิตของท่านก็สงบและวูบลงไป

ขณะที่จิตของท่านกำลังสงบ ปรากฎชายร่างกายกำยำ 4 คนตรงเข้ามาจับตัวท่าน เข้าเครื่องขื่อคาลงทัณฑ์โดยไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น แล้วนำท่านไปสู่ขุมนรกอันมีกระทะทองแดงใบใหญ่ ร้อนมากไม่เคยเจออะไรร้อนอย่างนี้มาก่อน เป็นสิ่งที่สยดสยองเกิดความหวาดกลัวอย่างรุนแรงจนท่านร้องเสียงหลงว่า "แม่ช่วยลูกด้วย" พลันก็มีใบบัวอันใหญ่เท่ากระด้งตากปลา มาช้อนร่างท่านขึ้นไปบนที่สูง นำท่านสู่วิมานลอยฟ้า อันวิจิตรบรรจงที่ไม่มีสถานที่ใดในเมืองมนุษย์จะเปรียบได้

ในวิมานนั้นปรากฎว่ามีนางฟ้าจำนวนเป็นร้อย ร่ายรำอยู่เบื้องหน้า แต่ละนางอายุประมาณ 16-17 ปี มีรูปร่างความงามดูละม้ายคล้ายคลึงกันที่งดงามและแปลกตาก็คือแต่ละนางสูงศอกเท่าเทียมกัน ทันใดนั้นมีนางฟ้านางหนึ่งดูงดงามเป็นพิเศษ ลอยออกจากวิมารด้วยอาการแย้มสรวลมีเสน่ห์ นางลอยออกมาล่อหลอก โฉบผ่านหน้าท่านไปมา เหมือนจะทักทายให้ไขว่คว้า ความรู้สึกในขณะนั้นท่านได้ตามนางฟ้าเข้าไปในวิมาน แต่เมื่อท่านจะตามเข้าไปหานางก็ปิดประตูกั้นไว้ พอถอยออกมานางก็โผล่พักต์มาล่อหลอกอีก ทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนท่านนึกฉุนว่าไม่ให้เข้า ก็ไม่ง้อและทำท่าถอยออกมา นางจึงพูดว่า "ไปเสียก่อนเถอะ ไปสร้างบุญบารมีให้พอเสียก่อน แล้วค่อยมาเจอกันใหม่"

เมื่อท่านถอยวูบออกมาลืมตาขึ้น จึงรู้ว่านั่งอยู่ตรงรูปถ่ายของแม่ นับว่าเป็นการได้กรรมฐานแล้วเป็นครั้งแรก แต่ท่านยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรแม้แต่คำว่ากรรมฐานก็ยังไม่รู้จัก

การนิมิตเห็นสวรรค์ นรก ทำให้ได้พบความจริงว่าชีวิตมนุษย์นั้นต้องเป็นเช่นเดียวกันทั้งหมดไม่ตายไปลงนรก ก็จะได้ขึ้นสวรรค์ ท่านไม่รู้ว่ากรรมฐานได้เกิดแก่ท่านแล้วตอนนั้น มารู้ก็เมื่อไปอยู่กับหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

แต่ก่อนจะหลับตาลงสู่ความสงบ ก็ได้บอกต่อรูปแม่ว่า "แม่ต้องการอะไรขอให้ดลใจบอกให้รู้ ลูกจะทำทุกอย่างที่แม่ต้องการ แม้แต่เลือดเนื้อก็จะกรีดเพื่อทดแทนพระคุณ" เป็นการเสี่ยงตายอุทิศชีวิตให้แก่แม่อย่างเด็ดเดี่ยว เหตุการณ์ทั้งหมดในนิมติ เป็นผลจากการที่แม่ของท่านเป็นคนใจบุญสุนทาน ได้สร้างสมบารมีอันเป็นกุศลไว้มาก ไม่ว่าเป็นทานและศีลอาศัยบารมีนี้มังช่วยลูกเอาไว้ได้จากขุมนรก

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็บอกพี่สาวน้องสาวว่าจะออกจากบ้านไปอีก ไม่แน่ใจว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะได้กลับมาพบกัน พี่สาวเป็นห่วงกลัวน้องชายตกระกำลำบาก จะทักท้วงก็ไม่ได้ เพราะรู้ว่าน้องชายเป็นคนเด็ดเดี่ยว ตั้งใจทำอะไรต้องทำให้ได้ จึงเอาเงินวางให้ 5,000 บาท แต่ท่านเอาไปแค่ 500 บาท บอกว่าแค่นี้พอแล้ว ที่เหลือขอให้ทำบุญให้แม่ แล้วท่านก็จากไป ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิดท่านเล่าว่า ตอนนั้นท่านมีเงินเป็นจำนวนมาก แต่เป็นเงินสมัยสงครามจะบอกให้ใครรู้ก็ไม่ได้จึงรับเงินพี่สาวมาพอเป็นพิธี

No comments: